นวัตกรรมเทคโนโลยีล่าสุดจะช่วยรับรองถึงอนาคตให้กับธุรกิจขนาดเล็กเช่นคุณได้อย่างไร
ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวไปไกลอย่างรวดเร็วกว่าที่ผ่านมา ธุรกิจต่างๆ จึงจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนกระบวนการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง บริษัทที่ให้ความสำคัญกับกลยุทธ์การปฏิรูปทางดิจิทัลนั้นนับว่ามีแต้มต่อที่ดี เพราะสามารถนำเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ ไปใช้งานได้อย่างรวดเร็ว พร้อมปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานให้สอดคล้องเข้ากันด้วย ในบล็อกโพสต์นี้ เราจะมาบอกเล่าให้ฟังว่านวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ๆ จะช่วยรับประกันอนาคตให้กับธุรกิจขนาดเล็กได้อย่างไร
การรับประกันอนาคตให้กับธุรกิจของคุณคืออะไร การรับประกันอนาคตหมายถึงการออกแบบหรือเปลี่ยนแปลงบางสิ่งเพื่อให้สามารถคงประโยชน์เอาไว้ได้ แม้สิ่งต่างๆ จะเปลี่ยนแปลงไปในอนาคต
การที่ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง (SMB) จะพัฒนาสินค้าและบริการให้เหนือกว่าความคาดหวังของลูกค้าและทำให้พนักงานพึงพอใจนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย งบประมาณอันน้อยนิดบีบบังคับให้บริษัทต้องวางกลยุทธ์อย่างรัดกุมก่อนจะตัดสินใจเลือกเทคโนโลยี เพื่อให้มั่นใจว่าเงินที่ลงทุนไปนั้นจะคุ้มค่ายาวนานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ด้วยเหตุนี้ วิธีการเลือกเทคโนโลยีที่จะนำมาใช้งานของบริษัทเหล่านี้จึงแตกต่างออกไป
บริษัทขนาดเล็กจะให้ความสำคัญกับการลงทุนทางธุรกิจของตนได้อย่างไร
จากข้อมูลของ Entrepreneur.com“เราสามารถแบ่งแยก SMB ตามระดับวุฒิภาวะทางดิจิทัลออกเป็นสองประเภทได้แก่ ผู้ติดตามด้านดิจิทัลและผู้นำด้านดิจิทัล เส้นทางบนโลกดิจิทัลของบริษัททั้งสองประเภทนี้อาจมีโฟกัสที่แตกต่างกัน โดยผู้ติดตามนั้นให้มุ่งเน้นไปที่การรักษาความปลอดภัยของระบบไอทีและเครือข่าย ในขณะที่ผู้นำนั้นพร้อมสำรวจแอปพลิเคชันสำหรับองค์กรต่างๆ เพื่อยกระดับการก้าวเข้าสู่ระบบดิจิทัล”
Entrepreneur.com ยังระบุด้วยกว่า SMB นั้นมักจะให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับการลงทุนในด้านสถาปัตยกรรม API, โครงสร้างภายใน และศูนย์ข้อมูล รวมถึง Edge Computing และปล่อยให้ความปลอดภัยทางไซเบอร์กลายเป็นหัวข้อสำคัญลำดับสุดท้าย
แต่นวัตกรรมทางเทคโนโลยีนั้นจะมีประโยชน์ก็ต่อเมื่อพนักงานนำไปใช้จริงเท่านั้น
ในฐานะผู้นำ คุณควรทำอย่างไรเพื่อกระตุ้นการนำนวัตกรรมเทคโนโลยีมาใช้งาน สิ่งสำคัญก็คือการให้ความสำคัญกับแนวทางที่มุ่งเน้นพนักงานเป็นหลัก ในฐานะหลักการพื้นฐานของกลยุทธ์การปฏิรูปทางดิจิทัล (Digital Transformation หรือ DX) ของคุณ
เมื่อนำเอาพนักงานมาเป็นศูนย์กลางของกลยุทธ์ DX บริษัทก็จะสามารถสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมและเอื้อต่อการเกิดไอเดียสร้างสรรค์ใหม่ๆ ยกตัวอย่างเช่น การปรับงานที่ต้องทำด้วยตัวเองให้กลายเป็นระบบอัตโนมัติและการนำเอาปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาช่วยแบ่งเบาภาระในการทำงานที่ซ้ำซากน่าเบื่อของพนักงาน เพื่อให้พวกเขามีเวลาไปทำงานอื่นที่มีประโยชน์มากกว่าและช่วยผลักดันธุรกิจให้ก้าวไปข้างหน้า
ข่าวดีก็คือ คุณไม่จำเป็นต้องลงทุนกับเทคโนโลยีใหม่หมดเพื่อจะบรรลุเป้าหมายนี้ แต่ทว่า ผู้นำควรจะระบุทราบช่องว่างในเทคโนโลยีที่พนักงานใช้ จากนั้นก็วางแผนเพื่อเติมเต็มช่องว่างเหล่านี้ด้วยโซลูชันราคาประหยัดที่สามารถเติบโตไปพร้อมๆ กัน นี่เป็นแง่มุมที่สำคัญอย่างยิ่งในกระบวนการปฏิรูปทางดิจิทัลและเป็นส่วนพื้นฐานของแผนการสร้างความยืดหยุ่น ซึ่งให้ความสำคัญลำดับแรกกับการสร้างนวัตกรรมเพื่อพนักงาน
ผู้นำจะลดอุปสรรคที่คอยสกัดกั้นการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ได้อย่างไร
- ทดลองใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ: หนึ่งในวิธีลดความลังเลใจในการใช้เทคโนโลยีก็คือการเปิดโอกาสให้ทีมได้ทดลองใช้เทคโนโลยีนั้นๆ ก่อนนำมาใช้งานจริงเพื่อขอรับคำติชม
- มอบการฝึกอบรม: จากนั้น ในขณะที่เริ่มนำเทคโนโลยีนั้นมาใช้จริง บริษัทมีโอกาสจะประสบความสำเร็จมากกว่า หากทีมงานนั้นได้รับการฝึกอบรมและความช่วยเหลือที่เหมาะสมในระหว่างที่เรียนรู้วิธีใช้งาน
- ปลูกฝังวัฒนธรรมด้านนวัตกรรม: การปลูกฝังวัฒนธรรมด้านนวัตกรรมในที่ทำงานนั้นจะช่วยยกระดับความยืดหยุ่น การนำเทคโนโลยีมาใช้งาน และนวัตกรรมได้เป็นอย่างดี ยกตัวอย่างเช่น การเปิดโอกาสให้เชิญผู้เชี่ยวชาญในบริษัทหรือจากภายนอกมาพูดคุยด้านเทคโนโลยีแบบสั้นๆ เพื่อแนะนำให้ทุกคนในบริษัทได้คุ้นเคยกับนวัตกรรมใหม่ๆ
เราจะยกระดับประสบการณ์ของพนักงานและเตรียมรับความเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้อย่างไร
เพื่อรับประกันอนาคตที่สดใสของบริษัท คุณจะต้องพิจารณาถึงความหมายของการปฏิรูปทางดิจิทัลที่มีต่อคุณอย่างถี่ถ้วน การปฏิรูปทางดิจิทัล (Digital Transformation หรือ DX) คืออะไร DX นั้นเป็นมากกว่าแต่เทคโนโลยีที่เราใช้งาน เราสามารถปรับปรุงประสบการณ์ของพนักงานและเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับอนาคต ด้วยการปรับเปลี่ยนและยกระดับกระบวนการ เทคโนโลยี และประสบการณ์ของลูกค้า นั่นก็เพราะว่า ธุรกิจที่ดีกว่าเริ่มต้นจากกระบวนการที่ดีกว่า
วัฒนธรรมมีบทบาทอย่างไรในบริบทนี้ บริษัทที่สามารถสร้างความรู้สึกมีส่วนร่วมให้เกิดขึ้นระหว่างทีมต่างๆ จากหลายวัฒนธรรมและนำเทคโนโลยีมาเป็นตัวขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงนั้นจะสามารถยกระดับความไว้วางใจ ความร่วมมือ การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ และผลการดำเนินงานโดยรวมของทีมได้ เครื่องมือที่ตอบโจทย์จะช่วยสนับสนุนการสื่อสารและการทำงานร่วมกันระหว่างทีมต่างๆ เมื่อให้ความสำคัญกับวิธีการที่ว่าเหล่านี้ บริษัทก็จะสามารถสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันได้มากยิ่งขึ้น
ดังนั้น หากต้องการจะพัฒนาความยืดหยุ่น บริษัทก็จำเป็นจะต้องสร้างกรอบการทำงานขององค์กรเพื่อกระตุ้นให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ การนำเอาพนักงานและวัฒนธรรมมาเป็นหัวใจหลักของโครงการนวัตกรรมจะช่วยให้มั่นใจได้ถึงความสำเร็จในอนาคต และเมื่อพนักงานแต่ละคน ผู้นำ และบริษัทต่างมีเป้าหมายสอดคล้องและมุ่งเน้นกับการสร้างโซลูชันเพื่อวันพรุ่งนี้ ความก้าวหน้าทั้งในวันนี้และอนาคตก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม
ถึงเวลาหรือยังที่คุณจะหันมาพิจารณาวางแผนเพื่อสร้างความยืดหยุ่นอย่างจริงจัง ดาวน์โหลดบทที่ 2 ของเอกสารนวัตกรรมของเรา เพื่อค้นพบว่าคุณจะสร้างจุดเด่นเหนือคู่แข่งด้วยความยืดหยุ่นทางธุรกิจได้อย่างไร |